การชาร์จอย่างถูกวิธีก็เป็นหนทางหนึ่งในการดูแลรักษา แบตเตอรี่ให้มีอายุนานขึ้นได้ค่ะ และนอกจากจะช่วยเรื่องปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ยังประหยัดเงินในกระเป๋าเราอีกด้วย อย่างที่ทราบกันว่าแบตเตอรี่ของมือถือที่เราใช้กันเมื่อทิ้งแล้วจะกลายเป็น ขยะพิษที่เป็นอันตรายทั้งสิ่งแ วดล้อมและมนุษย์ วิธีหนึ่งที่จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะนี้ได้นั้น คือ การยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่เราใช้กันให้นานตามอายุการใช้งานตามจริง ด้วยการชาร์จที่ถูกวิธี ดังนี้
1. ผู้ใช้งานควรทราบก่อนว่า แบตเตอรี่ที่ซื้อมานั้น เป็นแบตเตอรี่ชนิดใด ซึ่งสามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนก้อนแบตเตอรี่
2. การใช้อุปกรณ์การชาร์จ หรือ Light Charger ต้องเป็นรุ่นเดียวกันกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อน ที่ เพราะ Light Charger แต่ละรุ่นจะมีอัตราการจ่ายกระแสหรือโวลต์ที่ไม่เท่ากัน ทางที่ดีให้ใช้ของรุ่นที่ซื้อมาจะดีที่สุด หรือให้ศึกษาข้อมูลจากคู่มือการใช้งานก่อนที่จะนำมาใ ช้งานจริง (Light Charger สามารถใช้ทดแทนกันได้ แต่ควรดูจากคู่มือที่แนบมาก่อนใช้งาน)
3. เสียบปลั๊กของสายชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟให้แน่ใจแล้วว่า ไม่หลวมหรือขยับได้ หลังจากนั้นนำขั้วอีกด้านมาเสียบเข้าที่ช่องชาร์จของเครื่องโทรศัพท์ที่ ต้องกล่าวในจุดนี้เนื่องจาก Light Charger บางรุ่นขาจะเป็นแบบขากลม ซึ่งอาจหลวมได้ และหากนำมาชาร์จกับตัวเครื่องในขณะที่ขั้วปลั๊กไฟไม่แน่น อาจทำให้เกิดการกระชากกระแสจนเป็นเหตุให้อุปกรณ์ชาร์จเกิดการลัดวงจรและเสีย หายได้ (ปัจจุบัน Light Charger จะมีน้ำหนักเบา ซึ่งวงจรภายในไม่ได้ทำด้วยหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าแล้ว แต่เป็นวงจรที่เรียกทั่วไปว่า Switching)
4. หากเป็นแบตเตอรี่ก้อนใหม่แกะกล่อง ทางโรงงานผู้ผลิตจะแนะนำให้มีการชาร์จและคลายประจุอย ่างสมบูรณ์ใน 2-3 ครั้งแรก จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากเราซื้อโทรศัพท์มาใหม่เราควรที่จะให้เวลาและให้ความสำคัญกับการชาร์จ แบตเตอรี่ใน 2-3 ครั้งแรก ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ ของคุณมีประสิทธิภาพตามคุณสมบัติของแบตเตอรี่จริงๆ เหตุผลที่ต้องมีการชาร์จอย่างสมบูรณ์ และต่อเนื่องใน 2-3 ครั้งแรกก็เพื่อให้ขบวนการทางเคมีของสารประกอบภายในเกิด ปฎิกริยาอย่างสมบูรณ์นั่นเอง
5. ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่นานเกิน 24 ชั่วโมงโดยไม่ทำการถอด Light Charger เพราะจะมีผลทำให้อุณหภูมิของแบตเตอรี่มีความร้อนสูงข ึ้น หากดูจากทฤษฎีที่กล่าวมาแล้ว ถึงแม้วงจรควบคุมของแบตเตอรี่และเครื่องโทรศัพท์จะสั่งให้หยุดการชาร์จ แต่เมื่อเราปล่อยทิ้งไว้นานๆ อุณหภูมิของแบตเตอรี่เย็นลง และจะมีการคลายประจุไฟฟ้าออกมา ซึ่งจะก่อให้เกิดการชาร์จซ้ำ นั่นหมายถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็จะสั้นลง และถ้าคุณไม่อยู่บ้านด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่ควรทำการชาร์จทิ้งไว้เป็นอันขาด
6. หากคุณชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มและทิ้งไว้นานๆ เมื่อคุณนำแบตเตอรี่มาใช้งานอีกครั้ง คุณอาจจะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่ลดลงหรือลดระดับลงเร็วกว่า นั่นหมายถึงแบตเตอรี่มีการคายประจุในตัวเอง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของแบตเตอรี่และระยะเวล าในการเก็บไว้ แต่ไม่ใช่ว่าชาร์จจนเต็มในเวลากลางคืน พอบ่ายวันรุ่งขึ้นนำมาใช้แล้วระดับของแบตเตอรี่ลดลงมาก หรือไม่สามารถเปิดเครื่องได้ นั้นหมายถึงแบตเตอรี่ของคุณ อาจจะเสียได้ (ข้อพิจารณา:ขอให้ดูจากอายุของแบตเตอรี่ประกอบลักษณะ การใช้ของผู้ใช้งาน เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาว่า แบตเตอรี่ดีหรือเสีย หากไม่แน่ใจขอให้ส่งให้บริษัทที่รับประกันสิ้นค้าเป็นผู้ตรวจสอบให้ )
7. หากแบตเตอรี่ของคุณยังมีประจุไฟฟ้าเหลืออยู่มาก ก็ไม่ควรนำไปทำการชาร์จใหม่ ควรจะรอให้แบตเตอรี่หมดเสียก่อน หากดูกันตามทฤษฎีจะเห็นได้ว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ส่วนหนึ่งคิดเป็นรอบของการชาร์จ และคลายประจุ แต่ถ้าหากผู้ใช้งานมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องในขณะที่แบตเตอรี่เหลือ ไม่มากก็ควรชาร์จ มิฉะนั้นแบตเตอรี่อาจหมด ในขณะที่คุณต้องการใช้งาน
8. อุณหภูมิในการชาร์จมีผลต่อการประสิทธิภาพการชาร์จหรือประจุไฟ โดยเฉพาะอุณหภูมิที่สูงจะส่งผลทำให้การชาร์จไม่สมบูรณ์ 100 %
9. การชาร์จ หากสามารถปิดเครื่องแล้วชาร์จจะยิ่งดี เพราะในขณะที่มีการชาร์จแล้วมีสายเรียกเข้ามาจะทำให้ การชาร์จหยุดไปชั่วขณะ และเริ่มทำการชาร์จใหม่เมื่อเลิกสนทนา จุดนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ใช้แต่ละท่าน แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรดูคู่มือก่อนจะดีกว่า เพราะมีบางรุ่นบางยี่ห้อระบุว่าควรเปิดเครื่องขณะทำการชาร์จไฟแบตเตอรี่ เพราะจะสามารถประจุไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ
ข้อควรระวัง เรื่องการวางโทรศัพท์ก็สำคัญ อย่าวางไว้กับโลหะ อย่างเช่น เหรียญกษาปณ์ และขอเตือนสำหรับคนที่ชอบเอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าที่มีเศษเหรีย ญ เพราะโลหะเหล่านี้เมื่อสัมผัสกับขั้วที่ใช้ชาร์จอาจทำให้ไฟฟ้าล ัดวงจร ซึ่งอาจเป็นที่มาของการระเบิดได้
ที่มา : bloggang.com